Search for:
  • Home/
  • Games News/
  • ความต้องการ “เพชร” ร่วงต่อเนื่อง เหตุคนทุ่มเงินกิน-เที่ยวหลังโควิด

ความต้องการ “เพชร” ร่วงต่อเนื่อง เหตุคนทุ่มเงินกิน-เที่ยวหลังโควิด

ข้อมูลดัชนีราคาเพชรในตลาดโลกชี้ว่า ราคาเพชรดิบหรือเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน ลดต่อเนื่องในปีนี้ และช่วงนี้ถือว่าต่ำมากที่สุดในรอบปี ซึ่ง พอล ซิมมินสกี นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมเพชร มองว่า เป็นผลจากยอดขายเพชรตามเคาน์เตอร์ลดลง

แต่ก่อนที่ตลาดเพชรจะซบเซา ก่อนหน้านี้ช่วงปี 2021 และ 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 ยังระบาด ความต้องการเพชรแท้นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ยอดขายพุ่งทุบสถิติ 2 ปีติด

“เพชรสังเคราะห์ในแล็บ” กำลังคุกคาม “ตลาดเพชรแท้” ในสหรัฐ? คำพูดจาก เว็บสล็อตแท้

2 อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ ร่วมลงชื่อค้าน แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท

เช็ก “ราคาผัก” หลังเจอน้ำท่วมหลายพื้นที่ ใกล้เทศกาลกินเจ

ซิมมินสกีวิเคราะห์รูปแบบการใช้เงินของผู้บริโภคว่า ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ทุกคนต้องอยู่แต่ในบ้าน จึงแทบไม่มีค่าใช้จ่ายในการกินข้าวนอกบ้านและท่องเที่ยว ผู้บริโภคโดยเฉพาะสาว ๆ จึงมีเงินสดเหลือมากพอจะใช้จ่ายกับสินทรัพย์ฟุ่มเฟือยอย่างเพชรและอัญมณี แต่เมื่อสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย เริ่มมีการเปิดเมือง-เปิดประเทศ ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็กลับมา และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เพราะผู้คนเริ่มให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ และหันไปใช้เงินกับการท่องเที่ยว-หาประสบการณ์นอกบ้าน มากกว่าการซื้อสินค้าราคาแพงอย่างเพชร

ปรากฏการณ์หนึ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจน หลังยุคโควิด-19 คือ Revenge Travel หรือการเที่ยวล้างแค้น เพื่อปลดปล่อยความอัดอั้นจากการไม่ได้ออกเที่ยวในต่างประเทศมานานเกือบ 3 ปี ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่เผชิญมาตรการเข้มงวดมายาวนาน อย่างเช่นจีนแผ่นดินใหญ่

นอกจากนี้ ยังพบว่าค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวเพื่อไปทำธุรกิจ หรือ Business Travel ก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดว่าในปี 2024 น่าจะพุ่งเกินระดับก่อนโควิดเสียอีก

แต่ในทางกลับกัน หลายประเทศก็กำลังเผชิญปัญหาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยพุ่งสูง ก็มีส่วนทำให้สถานการณ์ราคาเพชรย่ำแย่

อีดัน โกลัน นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมเพชรอีกท่านหนึ่ง อธิบายว่า เพชรเป็นสินค้าที่อ่อนไหวต่อความต้องการในตลาด เมื่อความนิยมของผู้บริโภคลดลง ราคาเพชร ทั้งแบบที่ยังไม่เจียระไน รวมถึงแบบที่ขายปลีกในรูปของเครื่องประดับ จึงจำเป็นต้องปรับตัวตาม ซึ่งสิ่งที่ผู้ค้าเพชรทำได้ ก็คืออัดฉีดเงินหลายล้านดอลลาร์ เพื่อทำการตลาดให้มากขึ้น

แต่นักสะสมที่มองเห็นโอกาสในการลงทุนซื้อสินทรัพย์เหล่านี้ อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะแม้ว่าราคาเพชรดิบจะลดลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ราคาเพชรตามร้านเพชรจะลดฮวบตามไปด้วยเสมอ

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเข้าร้านเพชรเพื่อไปซื้อเพชร 1 กะรัต ในเวลานี้ ราคาที่ได้ ไม่ว่าจะซื้อจากที่ไหน ก็จะยังแพงกว่าราคาเพชรที่ขายช่วงเดือน ม.ค.ปี 2020 ประมาณ 3%

นักวิเคราะห์อธิบายว่า ร้านเพชรส่วนใหญ่จะมีเกณฑ์ราคาของพวกเขาเอง ซึ่งอ้างอิงจากอัตรากำไรขั้นต้น และพวกเขาจะยังไม่รีบปรับราคาขายหน้าร้านทันที แม้จะเห็นราคาเพชรดิบในตลาดโลกผันผวน

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาเพชรดิบ หรือเพชรธรรมชาติลดลง มาจากการแข่งขันของเพชรทางเลือก หลังจากผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่ม Z หันไปซื้อเพชรเทียมที่ผลิตในห้องแล็บมากขึ้น เพราะมีรูปลักษณ์สวยงามคล้ายคลึงกัน แต่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า และไม่ต้องพึ่งพาการทำเหมือง แถมราคาแค่ 1 ใน 10 ของเพชรแท้

และด้วยความที่เป็นเพชรสังเคราะห์ ลูกค้าจึงสามารถเลือกไซส์และรูปร่างได้ตามใจชอบ แต่ในขณะเดียวกัน เพชรเทียมเหล่านี้ก็ยังต้องได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลที่เข้มงวด

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์เพชรสังเคราะห์ขายดี จะเป็นปรากฏการณ์ระยะสั้นๆ หากแนวโน้มเศรษฐกิจและสถานะทางการเงินของผู้บริโภคดีขึ้น คนก็อาจกลับมาซื้อเพชรแท้อีกครั้ง และยังไม่นับรวมกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่มักจะเลือกซื้อหรือสะสมเฉพาะเพชรแท้เท่านั้น

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังเชื่อว่ายอดขายเพชรแท้จะฟื้นขึ้นเล็กน้อยในช่วงเทศกาลสิ้นปี ลากยาวถึงปีใหม่ และช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากเป็นช่วงเวลายอดนิยมในการขอแต่งงาน หมั้น และจัดงานฉลองรื่นเริง นอกจากนี้ ยังมีวันคริสต์มาส และวาเลนไทน์ ซึ่งผู้คนนิยมซื้อของขวัญให้กัน

ปัจจุบัน อินเดียเป็นประเทศที่นำเข้าเพชรมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก รองลงมาคือสหรัฐฯ ฮ่องกง เบลเยียม และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ด้วยราคาเพชรในตลาดที่ผันผวน ล่าสุด ตัวแทนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเพชรของอินเดียจึงเรียกร้องให้มีการระงับการนำเข้าเพชรเป็นการชั่วคราว อย่างน้อยในระยะเวลา 2 เดือน เริ่มตั้งแต่ 15 ต.ค.นี้ โดยคาดว่าจะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งในวันที่ 1 ธ.ค.

 ความต้องการ “เพชร” ร่วงต่อเนื่อง เหตุคนทุ่มเงินกิน-เที่ยวหลังโควิด